ระบบการศึกษาของเมืองไทย แบ่งออกเป็น 3 ระบบ
-การศึกษาในระบบ
-การศึกษานอกระบบ
-การศึกษาตามอัธยาศัย
(1) การศึกษาในระบบ เป็นการศึกษาที่กำหนดจุดมุ่งหมาย วิธีการศึกษา หลักสูตรระยะเวลา
ของการศึกษา การวัดและการประเมินผล ซึ่งเป็นเงื่อนไขของการสำเร็จการศึกษาที่แน่นอน
(2) การศึกษานอกระบบ เป็นการศึกษาที่มีความยืดหยุ่นในการกำหนดจุดมุ่งหมาย
รูปแบบวิธีการจัดการศึกษา ระยะเวลาของการศึกษา การวัดและประเมินผล ซึ่งเป็นเงื่อนไขสำคัญ
ของการสำเร็จการศึกษา โดยเนื้อหาและหลักสูตรจะต้องมีความเหมาะสมสอดคล้องกับสภาพปัญหา
และความต้องการของบุคคลแต่ละกลุ่ม
(3) การศึกษาตามอัธยาศัย เป็นการศึกษาที่ให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ด้วยตนเองตามความสนใจ ศักยภาพ
ความพร้อมและโอกาส โดยศึกษาจากบุคคล ประสบการณ์ สังคม สภาพแวดล้อม
หรือแหล่งความรู้อื่นๆ
สถานศึกษาอาจจัดการศึกษาในรูปใดรูปแบบหนึ่งหรือทั้งสามรูปแบบก็ได้ ให้มีการเทียบโอน
ผลการเรียนที่ผู้เรียนสะสมไว้ในระหว่างรูปแบบเดียวกันหรือต่างรูปแบบได้
ไม่ว่าจะเป็นผลการเรียนจากสถานศึกษาเดียวกันหรือไม่ก็ตาม รวมทั้งจากการเรียนรู้นอกระบบ
ตามอัธยาศัย การฝึกอาชีพ หรือจากประสบการณ์การทำงาน การสอน และจะส่งเสริมให้สถานศึกษา
จัดได้ทั้ง 3 รูปแบบ
การศึกษาในระบบมี 2 ระดับคือ
-การศึกษาขั้นพื้นฐาน (ตั้งแต่ อนุบาล - ม.6,ปวช.)
-การศึกษาระดับอุดมศึกษา (ตั้งแต่ ปวส.,อนุปริญญา - ปริญญา)
1. การศึกษาขั้นพื้นฐานประกอบด้วย การศึกษาซึ่งจัดไม่น้อยกว่า 12 ปี ก่อนระดับอุดมศึกษา
การศึกษาในระบบที่เป็นการศึกษาขั้นพื้นฐานแบ่งเป็น 3 ระดับ
1.1 การศึกษาก่อนระดับประถมศึกษา เป็นการจัดการศึกษาให้แก่เด็กที่มีอายุ 3 – 6 ปี
1.2 การศึกษาระดับประถมศึกษา โดยปกติใช้เวลาเรียน 6 ปี
1.3 การศึกษาระดับมัธยมศึกษา แบ่งเป็น 2 ระดับ ดังนี้
1.3.1 การศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนต้น โดยปกติใช้เวลาเรียน 3 ปี
1.3.2 การศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย โดยปกติใช้เวลาเรียน 3 ปี แบ่งเป็น 2 ประเภท ดังนี้
1.3.2.1 ประเภทสามัญศึกษา เป็นการจัดการศึกษาเพื่อเป็นพื้นฐาน เพื่อการศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษา
1.3.2.2 ประเภทอาชีวศึกษา เป็นการจัดการศึกษาเพื่อพัฒนาความรู้และทักษะในการประกอบอาชีพ
หรือ ศึกษาต่อในระดับอาชีพชั้นสูงต่อไป
2.การศึกษาระดับอุดมศึกษาแบ่งเป็น 2 ระดับ คือ
2.1 ระดับต่ำกว่าปริญญา
2.2 ระดับปริญญา
การใช้คำว่า "อุดมศึกษา" แทนคำว่า "การศึกษาระดับมหาวิทยาลัย" ก็เพื่อจะให้ครอบคลุมการศึกษา
ในระดับประกาศนียบัตรหรือ อนุปริญญา ที่เรียนภายหลังที่จบการศึกษาขั้นพื้นฐานแล้ว
ทั้งนี้การศึกษาภาคบังคับจำนวน 9 ปีโดยให้เด็กซึ่งมีอายุย่างเข้าปีที่ 7 เข้าเรียน
ในสถานศึกษาขั้นพื้นฐานจนอายุย่าง เข้าปีที่ 16 เว้นแต่สอบได้ชั้นปีที่ 9 ของการศึกษาภาคบังคับ
หลักเกณฑ์และวิธีการนับอายุให้เป็นไปตามที่กำหนดในกฎกระทรวง
การศึกษาภาคบังคับนั้นต่างจากการศึกษาขั้นพื้นฐาน ซึ่งการศึกษาขั้นพื้นฐานไม่บังคับให้ประชาชน
ต้องเข้าเรียน แต่เป็นสิทธิ์ของคนไทย ส่วนการศึกษาภาคบังคับเป็นการบังคับให้เข้าเรียน
ถือเป็นหน้าที่ของพลเมือง ตามมาตรา 69 ของรัฐธรรมนูญ
สรุปให้เห็นภาพอย่างชัดเจนได้ดังนี้
1 การศึกษาของไทยมี 3 ระบบ คือ -การศึกษาในระบบ ,การศึกษานอกระบบ และการศึกษาตามอัธยาศัย
2 การศึกษาในระบบ แบ่งออกเป็น 2 ระดับ คือ การศึกษาขั้นพื้นฐาน และการศึกษาระดับอุดมศึกษา
3 การศึกษาขั้นพื้นฐาน แบ่งเป็น 3 ระดับ คือ ระดับก่อนประถม,ประถม และมัธยม
4 มัธยม แบ่งเป็น 2 ระดับ คือ มัธยมศึกษาตอนต้น และมัธยมศึกษาตอนปลาย
5 มัธยมศึกษาตอนปลาย แบ่งเป็น 2 ประเภทคือ สามัญ และอาชีวศึกษา
6 อุดมศึกษา แบ่งเป็น 2 ระดับ คือ ต่ำกว่าปริญญา และ ปริญญา
7 การศึกษาภาคบังคับ คือ ป.1 - ม.3
7 การศึกษาภาคบังคับ คือ ป.1 - ม.3
สรุปให้ชัดเข้าไปอีกนิด ระดับการศึกษา
1 ป 1 - ป.6 เรียกว่า ระดับประถมศึกษา
2 ม.1 - ม.3 เรียกว่า ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น
3 ม.4 - ม.6 เรียกว่า ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย (สายสามัญ)
4 ปวช.1 - ปวช.3 เรียกว่า ระดับอาชีวศึกษา (สายอาชีพ)
5 ปวส.,อนุปริญญา,ปริญญาตรี โท,เอก เรียกว่า ระดับอุดมศึกษา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น